เมนู

ทรงแสดงพรหมจริยเอสนาไว้แล้ว โดยอาการแห่งการเป็นไป และโดยความ
สำเร็จ. บทว่า สพฺพราควิรตสฺส ความว่า พระอรหันต์ผู้คลายความกำหนัด
จากกามราคะ และภวราคะทั้งหลาย ทั้งปวง ดังแต่นั้นไป ก็ชื่อว่า ผู้หลุดพ้น
เพราะธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เพราะพ้น ในเพราะพระนิพพาน กล่าวคือ
ธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา. บทว่า เอสนา ปฏินิสฺสฏฺฐา ความว่า
กามเอสนาและภวเอสนา เป็นอันท่านสลัดออกแล้ว คือละแล้วโดยประการ
ทั้งปวง. บทว่า ทิฏฺฐิฏฺฐานา สมูหตา ความว่า เป็นที่ตั้งแห่งทิฏฐิกล่าวคือ
พรหมจริยเอสนา และถูกถอนขึ้นด้วยปฐมมรรคนั่นเอง. บทว่า เอสนานํ ขยา
ความว่า เพราะสิ้นไป คือ เพราะดับไปโดยไม่เกิดขึ้น แห่งการแสวงหา
ทั้ง 3 อย่างเหล่านี้ ตรัสเรียกว่า ภิกษุ เพราะทำลายกิเลสได้แล้ว ตรัสเรียกว่า
นิราโส เพราะหาความหวังมิได้ โดยประการทั้งปวง และตรัสเรียกว่า อก-
ถังกถี เพราะละการกล่าวถ้อยคำว่าอย่างไร ด้วยความสงสัยที่เป็นทิฏฐิได้แล้ว.
จบอรรถกถาทุติยเอสนาสูตรที่ 6

7. ปฐมอาสวสูตร

ว่าด้วยอาสวะ 3 ประการ


[234] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้
สดับมาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะ 3 ประการนี้ 3 ประการเป็นไฉน ?
คือ กามาสวะ 1 ภวาสวะ 1 อวิชชาสวะ 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
อาสวะ 3 ประการนี้แล.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
สาวกของพระพุทธเจ้าผู้มีจิตตั้งมั่น
ผู้รู้ทั่ว มีสติ ย่อมรู้ชัด ซึ่งอาสวะทั้งหลาย
เหตุเกิดแห่งอาสวะทั้งหลาย ธรรมเป็นที่
ดับแห่งอาสวะทั้งหลาย และมรรคอันให้
ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ภิกษุ
หายหิวแล้ว ดับรอบแล้ว เพราะความสิ้น
ไปแห่งอาสวะทั้งหลาย.

เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้ว ฉะนั้นแล.
จบปฐมอาสวสูตรที่ 7

อรรถกถาปฐมอาสวสูตร


ในปฐมอาสวสูตรที่ 7 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
อาสวะในกามทั้งหลาย ชื่อว่า กามาสวะ อีกอย่างหนึ่ง อาสวะ
กล่าวคือกาม ชื่อว่า กามาสวะ แต่โดยเนื้อความ กามราคะ และความ
ยินดียิ่งในรูปเป็นต้น ชื่อว่า กามสวะ. ฉันทราคะ ในรูปภพและอรูปภพ
ความใคร่ในฌาน ราคะอันสหรคตด้วยสัสสตทิฏฐิ และความปรารถนาในภพ
ชื่อว่า ภวาสวะ. อวิชชานั่นแหละ ชื่อว่า อวิชชาสวะ.